ขณะที่อินโดนีเซียบังคับใช้คำสั่งปิดเหมืองในพื้นที่ Raja Ampat ซึ่งได้รับการคุ้มครองเป็นพิเศษ EBC Financial Group ชี้ให้เห็นถึงความไม่แน่นอนที่เพิ่มมากขึ้นในตลาดนิกเกิล
แม้นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจะสนับสนุนการตัดสินใจของรัฐบาลอินโดนีเซียในการอนุรักษ์ Raja Ampat แต่เหล่านักลงทุนและผู้ค้าสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกต่างจับตาดูผลกระทบเป็นลูกโซ่จากการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายครั้งนี้อย่างใกล้ชิด
อุตสาหกรรมนิกเกิลของอินโดนีเซีย ซึ่งมีสัดส่วนการผลิตมากถึง 51% ของปริมาณนิกเกิลทั่วโลก กำลังเผชิญความไม่แน่นอนรอบใหม่ หลังรัฐบาลสั่งเพิกถอนใบอนุญาตการทำเหมืองของบริษัทนิกเกิล 4 แห่งในพื้นที่ Raja Ampat ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเขตมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO
การเคลื่อนไหวครั้งประวัติศาสตร์นี้มีเป้าหมายเพื่อปกป้องระบบนิเวศทางทะเลอันล้ำค่าของ Raja Ampat โดยได้รับเสียงชื่นชมอย่างกว้างขวางจากกลุ่มอนุรักษ์ อย่างไรก็ตาม ยังมีโครงการเหมืองขนาดใหญ่หนึ่งแห่งที่ยังคงดำเนินการอยู่นอกเขตที่ได้รับการคุ้มครอง และหลายบริษัทกำลังต่อสู้ทางกฎหมายเพื่อขอคืนใบอนุญาตและเดินหน้าโครงการต่อ
David Barrett ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ EBC Financial Group(UK)Ltd. กล่าวว่า “กรณี Raja Ampat สะท้อนให้เห็นถึงจุดตัดที่ชัดเจนขึ้นระหว่างปัจจัย ESG ความสนใจของชุมชนท้องถิ่น และพลวัตของตลาดโลก สำหรับนักลงทุนและนักเทรดแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นสัญญาณเตือนว่า ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะในภาคส่วนสำคัญอย่างนิกเกิล อ่อนไหวต่อแรงกดดันด้านนโยบายสิ่งแวดล้อมอย่างมาก”
แม้ Raja Ampat จะไม่ใช่พื้นที่ผลิตนิกเกิลหลักของอินโดนีเซีย แต่การตัดสินใจในครั้งนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนทิศทางของรัฐบาลอินโดนีเซียไปสู่การควบคุมสิ่งแวดล้อมและกำกับดูแลที่เข้มงวดยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นสัญญาณสำคัญสำหรับนักเทรดที่ติดตามแนวโน้มนโยบายระยะยาวในภาคสินค้าโภคภัณฑ์
ทำไมนักเทรดควรให้ความสนใจ
David Barrett ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ EBC Financial Group(UK)Ltd. กล่าวเพิ่มเติมว่า "นักเทรดควรเฝ้าระวังไม่เพียงแต่ความผันผวนของราคาสินค้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อค่าเงินรูเปียห์ ตลาดหุ้น และความเสี่ยง ESG โดยรวมของประเทศอีกด้วย" แม้ราคานิกเกิลจะฟื้นตัวในระยะสั้น แต่อาจซ่อนความเสี่ยงความผันผวนที่ลึกกว่าที่เห็น โดยเฉพาะเมื่อความไม่แน่นอนทางกฎหมายและนโยบายยังคงมีอยู่ ซึ่งอาจเปลี่ยนความคาดหวังเกี่ยวกับฝั่งอุปทานในตลาดโลกอย่างมีนัยสำคัญ
นิกเกิลยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของดุลการค้าของอินโดนีเซีย โดยในปี 2024 มีสัดส่วนประมาณ 6.8% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมด การลดการผลิตจากการยกเลิกใบอนุญาตอาจกระทบรายได้จากการส่งออก กดดันค่าเงินรูเปียห์ (USD/IDR) และขยายตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของประเทศ ซึ่งสำหรับนักลงทุนถือเป็นความเสี่ยง 2 ด้าน คือ ความผันผวนของค่าเงินในระยะสั้น และการเปลี่ยนแปลงสมมติฐานเกี่ยวกับนโยบายการเงินในระยะยาว เมื่อความไม่แน่นอนทางกฎหมายและนโยบายกระทบภาคนิกเกิล การเคลื่อนไหวของราคามักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและคาดการณ์ได้ยาก
ข้อมูลจาก Investing News Network ระบุว่า ราคานิกเกิลร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปีในช่วงไตรมาส 1 ปี 2025 โดยหล่นลงไปต่ำกว่า 15,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน จากภาวะอุปทานล้นตลาดในอินโดนีเซียและความกังวลด้านภาษีจากสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ราคากลับมาแตะระดับ 16,700 ดอลลาร์/ตัน ในเวลาต่อมา การฟื้นตัวดังกล่าวสะท้อนถึงความคาดหวังว่าฝั่งอุปทานจะเริ่มตึงตัวและการผลิตจะมีวินัยมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม คำสั่งปิดเหมืองใน Raja Ampat อย่างฉับพลันของอินโดนีเซีย ได้สร้างความไม่แน่นอนรอบใหม่ ไม่เพียงในแง่ปริมาณการผลิต แต่ยังรวมถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนและความชัดเจนด้านกฎระเบียบ หากข้อพิพาททางกฎหมายขยายวงกว้าง หรือเกิดการลดการผลิตเพิ่มเติม ก็อาจทำให้ราคานิกเกิลพุ่งขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะหากตลาดเริ่มประเมินความเสี่ยงด้านอุปทานใหม่อย่างจริงจัง
ในขณะที่กองทุนที่เน้น ESG ทั่วโลกเริ่มจับตามากขึ้นต่อที่มาของนิกเกิล เราขอแนะนำนักเทรดให้ติดตามทั้งปัจจัยพื้นฐานของตลาดและสัญญาณเชิงนโยบายการเมืองอย่างใกล้ชิด เนื่องจากสองปัจจัยนี้จะมีบทบาทสำคัญต่อการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต
อินโดนีเซีย: ศูนย์กลางนิกเกิลของโลก
ในปี 2024 อินโดนีเซียผลิตนิกเกิลกลั่นได้ราว 2.2 ล้านตัน คิดเป็นมากกว่าครึ่งของอุปทานทั่วโลก ส่งผลให้ประเทศกลายเป็นผู้มีอิทธิพลมากที่สุดในตลาดนิกเกิลโลก การหยุดชะงักใด ๆ ในอุปทานจากอินโดนีเซียย่อมส่งผลกระทบทันทีต่อโลก โดยเฉพาะในห่วงโซ่อุปทานของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และการผลิตเหล็กกล้าไร้สนิม ซึ่งยังคงเป็นผู้ใช้รายใหญ่ที่สุดของนิกเกิล คิดเป็นกว่า 2 ใน 3 ของอุปสงค์นิกเกิลทั่วโลก
แม้ภาคแบตเตอรี่จะขับเคลื่อนความต้องการระยะยาว แต่การผลิตเหล็กกล้าไร้สนิมยังเป็นตลาดหลัก โดยราว 75% ของเกรดเหล็กกล้าไร้สนิมจำเป็นต้องใช้นิกเกิลเพื่อคงโครงสร้างโลหะให้เสถียร จึงเป็นวัสดุสำคัญในอุตสาหกรรมหนักหลายภาคส่วน อาทิ ยานยนต์ ก่อสร้าง อาหาร และเครื่องดื่ม อุปกรณ์การแพทย์ น้ำมันและก๊าซ อวกาศ และโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน หากการผลิตนิกเกิลของอินโดนีเซียชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น การผลิตช้าลง และกระตุ้นแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในภาคอุตสาหกรรมโดยรวม
คำเตือน: เอกสารนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นคำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำอื่นใดที่ควรอ้างอิง (และไม่ควรพิจารณาว่าเป็นคำแนะนำ) ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำของ EBC หรือผู้เขียนว่ากลยุทธ์การลงทุน หลักทรัพย์ ธุรกรรม หรือการลงทุนใดๆ เหมาะสมกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ
รางวัลครั้งแรกจาก Online Money Awards สะท้อนความเป็นผู้นำระดับโลกของ EBC ด้านนวัตกรรม CFD ความโปร่งใส และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ยึดผู้เทรดเป็นศูนย์กลาง
2025-06-30EBC Financial Group ให้บริการ Copy Trading ผ่านแพลตฟอร์ม Brokeree ช่วยให้มือใหม่สามารถคัดลอกกลยุทธ์จากผู้เชี่ยวชาญและจัดการความเสี่ยงได้ แม้จะยังคงมีความเสี่ยงอยู่บ้าง
2025-06-24EBC ได้รับการยกย่องอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน โดยคว้ารางวัล “โบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือที่สุด” เป็นปีที่ 2 และกลับมาคว้ารางวัล “โบรกเกอร์ที่ดีที่สุด” อีกครั้งนับตั้งแต่ปี 2023
2025-06-24